Deductible หรือ “ความรับผิดชอบส่วนแรก” คือ จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะเข้ามารับผิดชอบ
โดยมี 2 รูปแบบ คือ: – ต่อปี: ต้องจ่ายทุกปีเมื่อมีการเคลมใหม่ // – ต่อครั้ง: ต้องจ่ายทุกครั้งเที่มีมีการรักษาใหม่

ส่วน Co-payment หรือ “การจ่ายร่วม” คือ การที่คุณแบ่งจ่ายค่ารักษากับบริษัทประกัน เช่น ถ้าเลือก Co-payment 20% หมายความว่าคุณจ่าย 20% ของค่ารักษา ส่วนบริษัทจ่ายที่เหลือ 80% 

Co-payment มี 2 แบบ:

– แบบสมัครใจ: ระบุไว้ในกรมธรรม์ตั้งแต่แรก

– แบบบังคับใช้เมื่อถึงปีต่ออายุกรมธรรม์

แล้วมันมีมั้ย แผนที่มีทั้ง deductible และ copayment , มีค่ะ แล้วมันเหมาะกับใคร เกิดต้องเคลมขึ้นมาเราต้อจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่

ยกตัวอย่างเช่น…คุณเอ…..เป็นพนักงานบริษัท B ซึ่งมีสวัสดิการประกันกลุ่มให้ คุณเอแข็งแรงและดูแลสุขภาพดีมาก ดินดี ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่เครียด ที่ผ่านมาไม่เคยเจ็บป่วย นานๆจะเป็นหวัดที แต่ก็อยากลดความเสี่ยงถ้าเกิดเจ็บป่วยรุนแรงขึ้นมา

คุณเอเลยไปเช็คประกันกลุ่มดู ละพบว่าพี่ค่ารักษาให้อยู่ 20000 (หมวดที่ 2) คุณเอเลยไปซื้อประกันสุขภาพกับบริษัท ABC เป็นแผนที่มีความรับผิดส่วนแรก 20000 และต้องร่วมจ่าย 20% ต่อมา คุณเอเกิดเจ็บป่วยรุนแรง ต้องเข้ารักษาใน รพ. มีค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 320,000 บาท

คุณเอ จะต้องรับผิดส่วนแรก 20,000 ส่วนที่เหลือ 3แสน ต้องร่วมจาย 20% ก็คือ 6หมื่นบาท เพราะฉะนั้นบิลนี้คุณเอจะต้องจ่ายทั้งหมด 8หมื่นบาท บริษัทประกัน ABC ต้องจ่าย 240,000 แต่ 2หมื่นแรก คุณเอเอาไปเบิกประกันกลุ่มที่ทำงานได้ เพราะนั้น บิลครั้งนี้คุณเอควักกระเป๋าจ่ายเองจริงๆ 6หมื่นบาท

ดังนั้น ถ้าคุณมีสวัสดิการจากบริษัท เช่น ประกันกลุ่ม Deductible หรือ Co-payment อาจช่วยให้คุณประหยัดเบี้ยประกันได้ แต่ถ้าไม่มีสวัสดิการเหล่านี้ การเลือกประกันแบบ Full coverage หรือเหมาจ่ายเต็มจำนวณอาจช่วยให้คุณอุ่นใจมากขึ้น